สูบบุหรี่ ผิวแห้งเสีย ทำไงดี? คุณควรรู้ว่าบุหรี่สร้างปัญหาผิวมากมายเกินคาด!

เนื้อหาบทความ

สูบบุหรี่ ผิวแห้ง ทำไงดี ? คุณควรรู้ว่าบุหรี่สร้างปัญหาผิวมากมายเกินคาด!

คุณควรรู้ว่าบุหรี่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง บุหรี่กับผิวหนังนั้นก่อให้เกิดโทษเพราะการสูบบุหรี่นั้น ทำให้ผิวเหี่ยว มีริ้วรอย ดำคล้ำ ไม่สดใส แล้วไหนจะปัญหา ผิวแห้ง ทำไงดี ? แน่นอนว่าวิธีแก้ที่ดีที่สุดนั่นคือควรเลิกสูบบุหรี่ บุหรี่นอกจากทำให้ผิวหน้าไม่ดีแล้ว บุหรี่ยังมีผลกระทบกับระบบต่าง ๆ ในร่างกายเกือบทุกระบบ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายแรงได้

ซึ่งนอกจากพิษของบุหรี่จะมีผลโดยตรงต่อผู้สูบแล้วยังส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้างอีกด้วยโดยเฉพาะคนในครอบครัว หากเลิกได้แนะนำให้เลิกโดยเด็ดขาด โดยมีรายละเอียดของพิษต่อผิวหนังเนื่องจากโทษของสารอันตรายจากบุหรี่ และปัญหาผิวเสียต่าง ๆ ที่เกิดจากบุหรี่นั้นมีมากมาย

ผิวแห้ง ทำไงดี ? ปัญหาจากการสูบบุหรี่

บุหรี่กับปัญหาผิวหนัง  

บุหรี่เป็นพิษต่อผิวหนัง เนื่องจากโทษของสารอันตรายต่าง ๆ รวมถึงท่าทางการสูบบุหรี่ เมื่อคุณสูดเอาควันบุหรี่เข้าไป ย่อมดึงเอาสารเคมี 4,000 ชนิดเข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งอนุมูลอิสระที่ทำลายผิว สารเคมีเหล่านี้จะทำลาย คอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นเส้นใยที่ทำให้ผิวคงความแข็งแรงและยืดหยุ่นแบบผิวที่อ่อนเยาว์ เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ผิวจะหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่น การขาดคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นสาเหตุของความเสียหายของผิวที่ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้อีก ซึ่งสารเคมีหลัก ๆ ได้แก่ นิโคติน (Nicotine) คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) และทาร์ (Tar) อีกทั้งท่าทางการสูบบุหรี่ก็ส่งผลเสียต่อผิวหนัง โดยมีรายละเอียด คือ

1. นิโคติน (Nicotine) นิโคตินยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดของผิวหนังตีบตัน ทำให้เลือดไม่ไหลเวียน ส่งผลให้ผิวของคุณแห้ง หมองคล้ำ ซีดและด่าง คุณอาจจะมีริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย อีกด้วย การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุให้ร่างกายผลิตเซลล์ เม็ดเลือดแดงน้อยลง และเนื่องด้วยเซลล์เม็ดเลือดแดง ที่น้อยลงนี้ ทำให้ผิวของคุณเริ่มที่จะสูญเสีย ความเปล่งประกายอย่างมีสุขภาพ

2. คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) และทาร์ (Tar) บุหรี่มีคาร์บอนมอนอกไซด์และทาร์เป็นจำนวนมาก เมื่อเราได้รับสารพิษพวกนี้ เส้นเลือดฝอยของเราจะหดตัวลง ทำให้การไหลเวียนของเลือดลดลง เป็นเหตุให้อนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหยาบกระด้าง หมองคล้ำ หากได้รับสารพิษติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ก็จะทำให้วงจรการสร้างเม็ดเลือดแดงแย่ลง ไม่สามารถลำเลียงอาหารหรือวิตามินไปสู่ผิวได้ การผลัดผิวก็จะผิดปกติ อายุผิวจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าอายุจริงของเราจะน้อยแค่ไหน ผิวก็จะหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ทำให้แก่ก่อนวัยก่อนเพื่อนรุ่นเดียวกัน โดยเฉลี่ยแล้วผู้ที่สูบบุหรี่จนติด อวัยวะทุกระบบในร่างกายจะเสื่อมหรือแก่เร็วขึ้นประมาณ 10 ปี

3. ท่าทางการสูบบุหรี่ นำไปสู่การเกิดริ้วรอย รอยย่นรอบ ๆ ปากที่ไม่น่ามองเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่สูบบุหรี่ยาวนาน ซึ่งมาจากการใช้ริมฝีปากซ้ำ ๆ ถี่ ๆ ในการดูดบุหรี่นั่นเอง           


ปัญหาผิวต่าง ๆ ที่เกิดจากบุหรี่ 

ปัญหาผิวเสียต่างๆ ที่เกิดจากบุหรี่

การสูบบุหรี่นอกจากจะมีส่วนทำให้ผิวแห้งแล้ว การสูบบุหรี่ส่งผลต่อผิวหนังอย่างมากมายเลยทีเดียว เช่น

1. การผลิตคอลลาเจนของผิวลดลง

การสูบบุหรี่เร่งการสลายตัวของคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่รับผิดชอบต่อความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย เช่น ริ้วรอย รอยย่น และผิวหย่อนคล้อย ความแห้งกร้านมักเกี่ยวข้องกับอายุผิว การสูบบุหรี่ทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นได้ง่าย แม้คนคนนั้นจะเป็นคนที่อายุยังน้อยก็ตาม

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายท่านต่างเปิดเผยว่า คนที่สูบบุหรี่เป็นประจำจะมีผิวที่แก่กว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 1 ปี 4 เดือนเลยทีเดียว แล้วทำไมการสูบบุหรี่ทำให้เกิดริ้วรอยได้? นั่นก็เพราะว่าส่วนผสมในบุหรี่จะเข้าไปทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ค่อยดี พอเลือดลมไม่ดี ผิวก็เกิดปัญหา และทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินที่ทำให้ผิวยืดหยุ่นถูกทำลายไปด้วย อ่านบทความเพิ่มเติม บุหรี่ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว

2. ผิวแตกลาย

สารนิโคตินในบุหรี่ สามารถทำลายเส้นใยผิว คอลลาเจน และอีลาสตินที่เป็นตัวช่วยให้ผิวเรายืดหยุ่นได้ เลยทำให้ผิวแตกลายได้ ซึ่งปกติผิวเราสามารถแตกลายได้ในกรณีที่น้ำหนักขึ้นหรือลดน้ำหนัก แต่การสูบบุหรี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวเราแตกลายได้เช่นกัน

3. รอยแผลเป็นที่รักษาได้ยาก

จริง ๆ เรื่องรอยแผลเป็นก็เป็นอะไรที่รักษายากอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบสูบบุหรี่ และบังเอิญว่าผิวเป็นแผลขึ้นมาก็มีความเสี่ยงเกิดเป็นรอยแผลเป็น และมีโอกาสหายช้ากว่าคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ เพราะว่าสารนิโคตินสามารถทำให้เส้นเลือดตีบ ทำให้มีเลือดไหลเวียนในเส้นเลือดทั่วร่างกายน้อยกว่าปกติ และสิ่งนี้ก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อผิวเราก็คือ ถ้าผิวเราเป็นแผลขึ้นมาก็จะสมานแผลได้ช้า

4. หน้าหมอง ผิวหยาบและแห้งกร้าน

บุหรี่มีส่วนผสมของคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งพอเราสูบเข้าไปแล้ว สารตัวนี้จะเข้าไปแทนที่ออกซิเจนในผิวหนัง และสารนิโคตินก็จะเข้าไปทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่ค่อยดี ส่งผลให้ผิวแห้ง และมีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งทำให้ผิวหยาบและแห้งกร้าน เพราะนิโคตินเป็นตัวทำลายความชุ่มชื้นไปจากผิวของเรา ผิวที่เคยเนียนละเอียด นุ่มนวล และยืดหยุ่น กลายเป็นแห้งหยาบกร้าน รูขุมขนกว้าง ทาแป้งก็ไม่ติด อีกทั้งสารเคมีที่อยู่ในบุหรี่ยังเป็นตัวทำลายเกราะป้องกันของผิวหนัง ขัดขวางความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้น นำไปสู่การสูญเสียน้ำจากผิวหนังและเกิดความแห้งกร้านมากขึ้น

5. มะเร็งผิวหนัง

การสูบบุหรี่ก่อให้เกิดมะเร็งหลาย ๆ อย่างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปอด มะเร็งช่องหลอดอาหาร รวมถึงมะเร็งผิวหนังด้วย ในปี 2001 มีงานวิจัยเปิดเผยว่า คนสูบบุหรี่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังแบบคาร์ซิโนม่ามากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่าเลยทีเดียว

6. การไหลเวียนของเลือดลดลง

การสูบบุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบ เลือดไหลเวียนไปที่ผิวหนังลดลง ส่งผลให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นน้อยลง ซึ่งอาจนำไปสู่ความแห้งกร้านและผิวหมองคล้ำได้

7. ระดับวิตามินในร่างกายลดลง

การสูบบุหรี่ทำให้สูญเสียวิตามินที่จำเป็น เช่น วิตามินซี ซึ่งจำเป็นต่อการรักษาสุขภาพผิว ที่ช่วยผลิตคอลลาเจนให้ผิว และช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้าย หากระดับวิตามินเหล่านี้ไม่เพียงพออาจส่งผลต่อสุขภาพผิวและร่างกาย ทำให้ผิวแห้งได้

8. อนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้น

การสูบบุหรี่สร้างอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย ซึ่งสามารถทำลายเซลล์และทำให้เกิดความเครียดจากอนุมูลอิสระ ความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันอาจส่งผลต่อความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวและส่งผลให้เกิดความแห้งกร้าน

เพื่อส่งเสริมสุขภาพผิวและต่อสู้กับความแห้ง การเลิกสูบบุหรี่เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ กิจวัตรการดูแลผิวที่รวมถึงการให้ความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ การปกป้องผิวจากแสงแดด รักษาความชุ่มชื้น และการบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยปรับปรุงความชุ่มชื้นของผิวและลักษณะโดยรวม หรือการปรึกษาแพทย์ผิวหนังสามารถให้คำแนะนำและการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อจัดการกับปัญหาผิวแห้งได้ แนะนำ ยาเลิกบุหรี่และตัวช่วยเลิกบุหรี่ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ


อ้างอิง