แคลอรี่จำนวนมากในเบียร์ ตัวการร้ายทำให้กินเบียร์แล้วอ้วน
เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีไขมัน ไม่น่าจะทำให้อ้วนได้? ถึงแม้จะไม่มีไขมัน แต่ “เบียร์ให้พลังงานสูง” จึงเป็นเหตุผลว่า กินเบียร์ยังไงไม่ให้อ้วน นั้นทำได้ยาก! โดยแอลกอฮอลล์หนึ่งกรัมให้พลังงานสูงถึง 7 กิโลแคลอรี่ โดยเฉลี่ยแล้ว เบียร์หนึ่งกระป๋องให้พลังงานประมาณ 148 กิโลแคลอรี่ ซึ่งหากดื่ม 6 กระป๋องขึ้นไป จะได้พลังงานเกือบ 900 กิโลแคลอรี่ นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเพราะในหนึ่งวัน ร่างกายคนเราควรได้รับพลังงานประมาณราว 1,800 – 2,000 กิโลแคลอรี่เท่านั้น ดังนั้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ปริมาณมากทำให้พลังงานที่ร่างกายได้รับมากเกินกว่าพลังงานที่ใช้ไปจึงเกิดการสะสมและทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินได้ …แบบนี้นี่แหละกินเบียร์แล้วอ้วน ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม! หากใครยังสงสัยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น นอกจากแคลอรี่แอลกอฮอล์ในเบียร์แล้ว เบียร์ยังส่งผลกระทบต่างๆ ต่อร่างกาย มาดูคำอธิบายต่อไปนี้กัน!
- เบียร์มีแคลอรี่สูง เมื่อเปรียบเทียบในปริมาณลิตรต่อลิตร เบียร์อาจให้แคลอรี่สูงเทียบเท่ากับน้ำอัดลมเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่พบว่าการดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้รู้สึกอยากอาหารด้วย แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็อาจทำให้นักดื่มกินอาหารเยอะขึ้นได้ นอกจากนั้น คนส่วนใหญ่มักไม่ตระหนักกันว่าเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูง โดยผู้ที่ดื่มเบียร์แล้ว แต่ยังรับประทานอาหารปริมาณเท่าเดิม ก็อาจมีแนวโน้มได้รับแคลอรี่เกินจากเกณฑ์ที่กำหนดได้
- เบียร์ขัดขวางการเผาผลาญไขมัน กระบวนการย่อยสลายแอลกอฮอล์นั้นก่อให้เกิดของเสียที่เรียกว่าอะซิเตทและอะซีตัลดีไฮด์ เมื่อสมองตรวจจับสารทั้ง 2 ชนิดนี้ได้ จะส่งสัญญาณให้ร่างกายหยุดเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ในตัว ในขณะเดียวกันก็สั่งให้ร่างกายแปลงของเสียที่ย่อยจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปให้กลายเป็นไขมันด้วย การดื่มเบียร์เป็นประจำจึงอาจทำให้ระดับไขมันในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
- เบียร์มีสารไฟโตเอสโตรเจน ไฟโตเอสโตรเจนเป็นสารที่ถูกสร้างขึ้นโดยพืช ต้นฮอปส์ที่ถูกนำมาใช้ในกระบวนการหมักเบียร์จัดเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีสารไฟโตเอสโตรเจนสูง มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน การดื่มเบียร์จึงอาจส่งผลกระทบต่อระดับฮอร์โมนในร่างกายของเพศชาย ด้วยเหตุนี้ ผู้ชายที่ดื่มเบียร์จึงอาจเกิดภาวะฮอร์โมนแปรปรวน อันเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไขมันรอบเอวได้
บวมเบียร์ลดยังไง? รวมการแก้ปัญหาลดอาการท้องอืดบวมหลังจากดื่มหนักและการออกกำลังกำจัดพุงเบียร์
ในต่างประเทศได้มีการบัญญัติคำศัพท์สำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุงจากการดื่มเบียร์ไว้ว่า “Beer Belly” เนื่องจากผู้ที่มีอาการบวมเบียร์มักจะมีลักษณะหน้าท้องบวม แต่ส่วนอื่นๆ มักเป็นตามปกติคือ แขน ขา หน้าอก มีลักษณะเท่าเดิม อาจมีอาการบวมช่วงคางและคอมากขึ้นบ้าง แม้ว่าจะออกกำลังกายเป็นประจำแต่ไม่ได้ลดการดื่มเบียร์ลงก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ยิ่งหากทุกครั้งที่ดื่มเบียร์ มีกับแกล้มที่เป็นอาหารไขมันสูง ต่อให้ออกกำลังกายแบบจริงจัง ก็ยากที่จะลดไขมันสะสมได้หมด แม้ว่าพุงนั้นไม่ใช้ผลโดยตรงของการดื่มเบียร์มาก แต่ปัญหาอยู่ที่การได้ปริมาณแคลอรี่มาก แต่ขยับเนื้อขยับตัวไม่เพียงพอ โดยทั่ว ๆ แอลกอฮอล์ ซึ่งรวมไปถึงไวน์ และเหล้าด้วยนั้น ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วยกันทั้งหมด เพราะตับของเราจะเผาผลาญแอลกอฮอล์ก่อนไขมัน และเบียร์ ก็มีคาร์โบไฮเดรตเยอะ ซึ่งก็ทำให้ได้รับปริมาณแคลอรี่สูงเช่นกัน โดยผู้ชายมีแนวโน้มที่จะสะสมไขมันเอาไว้ที่หน้าท้องมากกว่าผู้หญิง และไขมันที่หน้าท้องนี้ ก็มีความเกี่ยวพันธ์กับปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง ดังนั้น เมื่อคุณต้องการจะกำจัดไขมันหน้าท้องบวมเบียร์นี้ แน่นอนว่า คุณต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกาย รวมถึงแนะนำวิธีการลดอาการท้องอืดบวมหลังจากดื่มหนัก โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหาร หลังจากสุดสัปดาห์ของการดื่มแอลกอฮอล์และการนอนหลับพักผ่อนเพียงนิดเดียว ร่างกายของคุณจะโหยหาสารอาหารมากๆ “ไข่” นั้นเต็มไปด้วยกรดอะมิโน อย่างเช่นซิสเตอีน (Cysteine) และทอรีน (Taurine) ซิสเตอีนช่วยขจัดสารพิษจากร่างกายหลังจากตับของคุณทำงานเสร็จจากแอลกอฮอล์แล้วเรียบร้อย และทอรีนช่วยเพิ่มการทำงานของตับและช่วยปกป้องตับ อาหารจำพวกผักใบเขียวและกล้วยต่างๆ มีส่วนประกอบของตัวโพแทสเซียม ซึ่งเป็นอิเล็กโทรไลต์ที่สำคัญซึ่งมักจะหมดลงหลังจากคุณดื่มในช่วงสุดสัปดาห์ แนะนำให้ใส่ผักขมและกล้วยลงในเครื่องปั่น หลังจากนั้นเติมผงโปรตีนลงไปนิดหน่อยและเตรียมพร้อมที่จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้งได้เลย
- ทานตัวโพรไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์มีชีวิตที่ส่งเสริมระบบย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน พวกมันถูกเรียกว่าเป็นแบคทีเรียที่เป็นมิตร และดีต่อสุขภาพ และเชื่อว่าจะช่วยฟื้นฟูสมดุลตามธรรมชาติของแบคทีเรียในลำไส้ของคุณได้ การทานอาหารหมักดองที่มีตัวโพรไบโอติกส์มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากโดยเฉพาะระบบการย่อยอาหาร ลองกะหล่ำปลีดอง (Sauerkraut) กิมจิหรือมิโซะ เพื่อช่วยแบคทีเรียในลำไส้ของคุณ การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วยโพรไบโอติกส์จะช่วยปรับและควบคุมแบคทีเรียในลำไส้และบรรเทาอาการท้องผูกได้ด้วย
- การควบคุมอาหาร หยุดกินอาหารแปรรูป น้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากนม การเลือกอาหารที่จะรับประทานเข้าไปจึงเป็นสิ่งสำคัญ เลือกอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป และมีคุณค่าต่อร่างกายเป็นหลัก รวมทั้งอาหารที่มีโปรตีนสูง นอกจากนี้ งดของว่างและมือดึก แม้อาหารแปรรูปอาจจะเป็นตัวเลือกที่สะดวกมากแต่ก็เต็มไปด้วยสารปรุงแต่ง สีสังเคราะห์ โซเดียม สารเพิ่มปริมาณ (Bulking Agent) สารกันบูด และสารให้ความหวานแทนน้ำตาลมากมาย สิ่งเหล่านี้จะขัดขวางการย่อยและสามารถนำไปสู่ภาวะแบคทีเรียไม่สมดุลในลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กได้ ซึ่งสามารถนำไปสู่อาการท้องอืดได้นั่นเอง การกินน้ำตาลก็จะมีผลกระทบแบบเดียวกัน การบริโภคมากเกินไปอาจนำไปสู่ความไม่สมดุลของทั้งแบคทีเรียที่มีประโยชน์และแบคทีเรียที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และทำให้ท้องอืดได้ อย่าโดนหลอกด้วยคำว่าสารให้ความหวานเพราะมันทำลายแบคทีเรียในลำไส้ได้เช่นกัน และยังสามารถเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดแก๊สและอาการท้องอืด เช่นเดียวกันกับผลิตภัณฑ์จากนมเลย ทั้งนม ชีสและผลิตภัณฑ์จากนมทั้งหมด สามารถเป็นต้นตอสาเหตุของการรบกวนลำไส้ได้ โดยเฉพาะกับคนที่มีอาการแพ้แลคโตส ในวันที่ร่างกายของคุณกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะทำให้สมดุลต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผลิตภัณฑ์จากนมทั้งหมดเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง
- รักษาความชุ่มชื้นเอาไว้ การดื่มน้ำเยอะๆ สามารถช่วยลดอาการท้องอืดได้ การขาดน้ำและความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์สามารถหยุดยั้งการย่อยอาหารและทำให้อาการท้องอืดรุนแรงขึ้นได้มากกว่าเดิมด้วย เมื่อร่างกายของคุณพยายามปรับสมดุลจากผลกระทบของความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ จะทำให้เกิดการกักเก็บน้ำส่วนเกิน น้ำมะพร้าวและน้ำแร่สามารถช่วยเติมเชื้อเพลิงให้กับร่างกายได้อีกครั้ง และช่วยลำเลียงสารพิษออกได้ด้วย
- การออกกำลังกายเบาๆ และกิจกรรมเผาผลาญไขมันที่ไม่ใช่การออกกำลังกาย สามารถลดอาการท้องอืดบวมหลังจากดื่มหนักและกำจัดไขมันหน้าท้องบวมเบียร์ได้ การออกกำลังกายเบาๆ อย่างเช่น โยคะ พิลาทิส หรือการเดินในสวนสาธารณะจะได้ผลที่ดีมาก มันสามารถแก้อาการข้างเคียงบางอย่างของการปาร์ตี้หนักๆ ได้ ดังนั้นคุณจะหายจากอาการท้องอืดและอาการปวดได้เร็วขึ้น การออกกำลังกายเบาๆ สามารถช่วยกระตุ้นทางเดินของแก๊สผ่านบริเวณย่อยอาหารที่จะช่วยขับสารพิษออกด้วย ในส่วนกิจกรรมเผาผลาญไขมันที่ไม่ใช่การออกกำลังกาย หรือที่เรียกว่า NEAT หรือ Non-exercise activity thermogenesis เช่น การเดินไปทำงานตอนเช้า และกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำในชีวิตประจำวัน ซึ่งช่วยให้มีการเผาผลาญนั้น จัดว่าเป็น NEAT ทั้งหมด กิจกรรมเหล่านี้ควรทำควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ และวิธีง่ายๆ อย่างหนึ่ง ก็คือพยายามอย่านั่งติดเก้าอี้ตลอดทั้งวัน ขยับเขยื้อนลุกเดินบ่อย ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์ และจอดรถให้ไกลที่ทำงานออกไปอีกสักหน่อย เพียงแค่นี้ ก็ช่วยการเผาผลาญในแต่ละวันให้มากขึ้นได้แล้ว
- กระตุ้นระบบพลังงานและการการเผาผลาญ หรือที่เรียกว่า Metabolic Conditioning คุณอาจจะเคยสังเกตเห็นว่า ในคลาสฟิตเนสนั้น จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่เคลื่อนไหวแบบไม่มีหยุด ซึ่งในข้อนี้ ไม่ได้หมายถึง Zumba และ CrissFit แต่พวกเขากำลังทำในส่วนที่เรียกว่าเป็น Nonstop part หลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก และสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งเรียกว่าเป็น met-cons หรือ Metabolic conditioning ซึ่งก็เหมือนกับ HIIT ฝึกหนักสลับเบา กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ เร่งการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด สลับกับการเร่งอัตราการเผาผลาญ
- ใช้เทคนิคในการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง เลือกท่าที่จะช่วยให้ข้อต่อ และกล้ามเนื้อแข็งแรง ขณะเดียวกับไขมันก็ถูกเผาผลาญไป เช่นการยกน้ำหนัก ตั้งเป้าหมายไว้ว่า การยกน้ำหนักนั้น เพื่อสร้างความแข็งแรง ยิ่งนานวัน ความแข็งแรงก็เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเทคนิคนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาผิวหนังเหี่ยว หย่อนคล้อย หลังการลดน้ำหนักให้คุณได้ด้วย
- Afterburn หรือ EPOC ย่อมาจาก Excess post oxygen consumption ซึ่งก็หมายถึง แคลอรี่ ที่เราเผาผลาญ หลังการออกกำลังกาย การออกกำลังกายหนักและต่อเนื่อง จะทำให้มีการเผาผลาญสูง โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบ HIIT หรือ High Intensity Interval Training เป็นการออกกำลังกายแบบเข้มข้น สลับกับผ่อนคลาย เช่น การวิ่งเร็วมาก สลับกับวิ่งช้า ๆ นั่นเอง คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการสลับเร็วและช้าในอัตรา 1:1 ก่อน แล้วค่อย ๆ ขยับเป็น 2:1 แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นเข้าไป วิธีนี้จะช่วยสลายไขมันหน้าท้องให้คุณได้เร็วขึ้น
Reference